บทความนี้แปลโดยคอมพิวเตอร์ดูบทความต้นฉบับ

เว็บ 3.0 คืออะไร?

วันที่เผยแพร่:

เว็บ 3.0 คืออะไร? - เวลาอ่าน: ประมาณ 4 นาที

บทความนี้ให้ความเข้าใจพื้นฐานว่า Web 3.0 คืออะไร เป็นการแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวคิดของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตและการบรรจบกันของบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล

คิดว่า Web 3.0 เป็นยุคที่สามของอินเทอร์เน็ต: ยุคที่ใช้บล็อกเชนและจะเปลี่ยนความเป็นเจ้าของข้อมูลจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไปสู่บุคคลทั่วไป แนวคิดเบื้องหลัง Web 3.0 คือการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และในขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความไว้วางใจ

        

  ในเรื่องนี้

บทความ

จากเว็บ 1.0 ถึงเว็บ 2.0  

ต้นกำเนิดของเว็บ 3.0

  ระบบนิเวศเว็บ 3.0 ที่เพิ่มขึ้น

        

______________________________________________

จากเว็บ 1.0 เป็นเว็บ 2.0

เริ่มต้นจาก Web 1.0 ซึ่งเป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตให้บริการข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งพัฒนาโดย Tim Berners-Lee ในปี 1989 เป็นยุคที่ปฏิวัติวงการในตอนนั้น เนื่องจากไม่มีอะไรที่เหมือน อินเทอร์เน็ตในขณะนั้นส่งเนื้อหาคงที่เป็นหลักโดยไม่มีตัวเลือกในการโต้ตอบหรือมีส่วนร่วม

จากนั้น Web 2.0 ก็เกิดขึ้นในปี 2547 ซึ่งเปลี่ยนวิธีการสื่อสารแบบทางเดียวในยุคก่อนเป็นแบบสองทาง นั่นคือมันย้ายอินเทอร์เน็ตจากการเป็นแบบอ่านอย่างเดียวไปสู่เว็บแบบอ่าน-เขียนซึ่งการโต้ตอบของผู้ใช้กลายเป็นบรรทัดฐาน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อให้เกิดเว็บไซต์จำนวนมากที่อนุญาตให้มีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เพิ่มความสามารถในการใช้งานสำหรับผู้ใช้ปลายทาง และทำให้เว็บโซเชียลที่มีส่วนร่วมเป็นไปได้ มันได้รับการพัฒนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเวลาผ่านไป สมาร์ทโฟนกลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่เผยแพร่ลักษณะการมีส่วนร่วมของเว็บไปยังผู้ใช้จำนวนมากขึ้นทั่วโลก

แม้ว่า Web 3.0 จะไม่ใช่แนวคิดใหม่ทั้งหมดสำหรับหลาย ๆ คนอีกต่อไป แต่อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในยุค Web 2.0 และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ซึ่งครองอินเทอร์เน็ตยังคงอำนวยความสะดวกในการเปิดใช้แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งบน Android และ iOS—เป็นวิธีการเก็บเกี่ยวข้อมูลลูกค้า

______________________________________________

ต้นกำเนิดของเว็บ 3.0

ก่อตั้งในปี 2014 โดยผู้ก่อตั้ง Web3 Foundation, Dr. Gavin Wood, แนวคิดของ Web 3.0 ในการให้บุคคลควบคุมข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลประจำตัวของตนนั้นมาจากมุมมองที่ว่าโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน (เช่น Web 2.0) ช่วยให้หน่วยงานเทคโนโลยีบางประเภทโดยการออกแบบ เพื่อละเมิดความต้องการความเป็นส่วนตัวและความถูกต้องของผู้ใช้ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้หน่วยงานเหล่านี้เก็บเกี่ยวข้อมูลของผู้ใช้เพื่อการโฆษณาและวัตถุประสงค์เพื่อผลกำไรอื่นๆ

แม้ว่า Web 2.0 จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและโต้ตอบกับเนื้อหาบนแพลตฟอร์มขนาดใหญ่เช่น YouTube ได้ แต่ก็จะเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ตที่การผูกขาดของ Big Tech เอาเปรียบ เป็นเจ้าของ และสร้างรายได้จากข้อมูลของผู้ใช้

Web 3.0 พยายามที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นประชาธิปไตย โดยหลีกเลี่ยงบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ในขณะที่กระจายอำนาจโดยไม่มีอำนาจจากจุดใดจุดหนึ่ง Web 3.0 ไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่และบุคคลทั่วไปสามารถผลิตและใช้งานเนื้อหาได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคอมพิวเตอร์ด้วย

Web 3.0 เป็นเจ้าของโดยผู้ใช้ เปิดใช้งานสิทธิ์ในทรัพย์สินดิจิทัลเป็นครั้งแรกด้วยโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ที่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลแบบกระจายได้แบบเปิด นำเสนอกระบวนทัศน์การสร้างรายได้แบบใหม่ที่ฝังอยู่ในซอฟต์แวร์เพื่อหลอมรวมการบริโภคเข้ากับการลงทุน และทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปในเศรษฐกิจที่กลายเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ

ความเปิดกว้างของ Web 3.0 ยังพยายามที่จะเชื่อมโยงข้อมูลประจำตัวออนไลน์ของผู้ใช้กับชื่อเสียงของผู้ใช้ และเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากส่วนกลางไม่ให้กำหนดวิธีการดูแลข้อมูล เนื้อหา และการสื่อสาร ด้วยเหตุนี้ เสรีภาพของแนวคิดจึงนำ Web 3.0 มาสู่ศูนย์กลางของการเข้ารหัสลับและบล็อกเชน โดยสิทธิ์และผลประโยชน์จะถูกแปลงเป็นหน่วยมูลค่าดิจิทัล (โทเค็น) ในกระบวนการที่เรียกว่าโทเค็น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายโครงการเริ่มนำแนวคิดของโทเค็นมาใช้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแสดงสินทรัพย์จริงหรือแบบดั้งเดิมในรูปแบบดิจิทัลบนบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย เช่น บล็อกเชน มันนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ และบุคคลรวมถึงองค์กรได้รับโอกาสในการกระจายพอร์ตการลงทุนโดยไม่คำนึงถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นความร่วมมือระหว่างบริษัท Web 2.0 และ Web 3.0 มากขึ้น ความร่วมมือดังกล่าว เช่น PayPal (บริษัทชำระเงินบนเว็บ 2.0) และ Metamask ทำหน้าที่เป็นช่องทางในการให้การเข้าถึงที่มากขึ้นสำหรับผู้บริโภคกระแสหลักเพื่อเข้าสู่พื้นที่การเข้ารหัสลับ สิ่งนี้นำไปสู่การขยายส่วนย่อยที่เกี่ยวข้องของอุตสาหกรรม รวมถึงตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ตลาด NFT และเกม นอกจากนี้ยังกระตุ้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นระหว่างโครงการที่เกี่ยวข้อง

______________________________________________

ระบบนิเวศเว็บ 3.0 ที่เพิ่มขึ้น

เนื่องจาก Web 2.0 และ Web 3.0 ยังคงทับซ้อนกัน จึงคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในด้านเทคโนโลยีโดยรวม ถูกมองว่าเป็นการทำซ้ำครั้งที่สามของอินเทอร์เน็ตตามที่เราทราบ การเติบโตของระบบบล็อกเชนของระบบนิเวศ Web 3.0 นั้นถูกกำหนดให้นำไปสู่แบบจำลองทางเศรษฐกิจที่เป็นนวัตกรรมโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัล

Web 3.0 สัญญาว่าจะมอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตใหม่ ควบคู่กับอิสระและนวัตกรรมทั้งหมดที่อุตสาหกรรมการเข้ารหัสลับนำเสนอ อินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจนี้จะพยายามพลิกการควบคุมข้อมูลและแอพจากเอนทิตีแบบรวมศูนย์ไปสู่ชุมชนและปัจเจกบุคคล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Web 3.0 จะไม่มีอยู่จริงหากปราศจากบล็อกเชนและคริปโต แต่ก็ไม่ได้ถูกกำหนดโดยพวกเขา

บทความที่เกี่ยวข้อง